ข่าวแจ้งสื่อมวลชน
MTC ผลประกอบการไตรมาส 2/2564
MTC สัญญาณดี ประกาศปรับเพิ่มเป้าพอร์ตสินเชื่อปีนี้โต 30-35% จากเดิม 20-25% ผลจากความต้องการสินเชื่อคึกคัก จำนวนเปิดสาขาทำได้ตามเป้า รวมทั้งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ฐานลูกค้าใหม่เติบโตได้เป็นอย่างดี ขณะที่เปิดผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 กำไรแตะ 2,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.59% จากงวดเดียวกันปีก่อน ฟากบิ๊กบอส 'ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ' ระบุครึ่งปีหลังแนวโน้มดีต่อเนื่อง เข้าสู่ช่วงฤดูกาลเพาะปลูกมีความต้องการสินเชื่อมากกว่าระดับปกติ เดินหน้าขยายสาขาตามเป้าหมายสิ้นปีครบ 5,500 สาขา พร้อมคุม NPLไม่เกิน 2 % ดันผลงานปีนี้เติบโตเข้าเป้า มั่นใจฝ่าวิกฤติโควิด-19ได้อย่างแน่นอน
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือMTC ผู้นำตลาดสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวม 7,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.12% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 7,105 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,644 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.59% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,504 ล้านบาท ขณะที่ไตมาส 2/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 3,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 9.07% มีรายได้รวมเท่ากับ 3,572 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 0.24% มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,267 ล้านบาท จากปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดสินเชื่อเติบโตมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรกมียอดสินเชื่อคงค้างกว่า 79,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,656 ล้านบาท หรือ 26.37% จากงวดเดียวกันปีก่อน
ขณะเดียวกันบริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยครึ่งปีแรก มีสาขาใหม่เพิ่มขึ้นจำนวน 400 สาขา ส่งผลให้มีปัจจุบันบริษัทมีสาขารวม 5,284 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ
'ภาพรวมครึ่งปีแรกความต้องการสินเชื่อเติบโตได้ดี ทำให้บริษัทฯจึงปรับเป้าหมายการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อปีนี้เป็น 30-35% จากเดิมที่อยู่ที่ 20-25% เนื่องจากปัจจุบันความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่สู้ดีทำให้ลูกค้ามีความจำเป็นต้องการเงินทุนเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯได้วางงบลงทุนสำหรับการขยายสาขาไว้ที่ 300 ล้านบาท รองรับแผนเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา ซึ่งคาดว่าจะครบ 5,500 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ '
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวอีกว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้ายังคงอยู่ในระดับสูง หลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลหน้าฝนจึงทำให้ลูกค้าในกลุ่มเกษตรกรมีความต้องการเงินทุนไปใช้ในการเพาะปลูกมีจำนวนมากกว่าช่วงปกติ ประกอบกับสถานการณ์โควิด-19 ที่กดดันให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและได้รับผลกระทบกันเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตามจากดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้บริษัทฯต้องคัดกรองคุณภาพสินเชื่อของลูกค้าด้วยความระมัดระวัง โดยตั้งเป้าหมายการคุมระดับเอ็นพีแอลไม่เกิน 2% และบริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถผ่านสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจในรอบนี้ไปได้ ด้วยกลยุทธ์การบริหารงาน โดยเน้นการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด