วิสัยทัศน์
“ปีแห่งการพัฒนา”
พันธกิจ
01.
บริษัทฯ จะรักษาระดับการเติบโตในปี 2567-2569 ที่ปีละ 20 เปอร์เซ็นต์
02.
บริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายสาขาเฉลี่ยปีละ 600 สาขา
03.
บริษัทฯ จะรักษามาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ โดยการปล่อยสินเชื่อให้รัดกุม และเร่งรัดติดตามหนี้ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงลดภาวการณ์ขาดทุนจากการขายทรัพย์สิน
04.
บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างระบบและกลไกที่ส่งเสริมให้พนักงานได้ใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่
05.
บริษัทฯ เน้นการบูรณาการทั้งช่องทางออฟไลน์และช่องทางออนไลน์ในการให้บริการแก่ลูกค้า รวมทั้งสนับสนุนการใช้ประโยชน์ทั้งด้านดิจิทัลและด้านข้อมูล เพื่อประโยชน์ด้านการวิเคราะห์ และต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทฯ ในอนาคต
06.
บริษัทฯ ให้ความสำคัญการเพิ่มจำนวนลูกค้า
07.
บริษัทฯ ยึดมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมุ่งเน้นการสร้างให้เกิดคุณค่า และความยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการดำเนินงานภายใต้มาตรฐานสากล
ภาพรวมธุรกิจบริษัท
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“บริษัทฯ”)ก่อตั้งโดยนายชูชาติ เพ็ชรอำไพและนางดาวนภา เพชรอำไพ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2535
บริษัทฯ จัดเป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถด้วยใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทยแก่ลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก ซึ่งยานพาหนะที่สามารถนำมาใช้เป็นประกันได้นั้นประกอบไปด้วยรถจักรยานยนต์ รถยนต์และรถเพื่อการเกษตรที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังขยายการให้บริการสินเชื่อครอบคลุมไปยังสินเชื่อที่ใช้ที่ดินเป็นประกัน สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยายนต์และสินเชื่อเพย์เลเทอร์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการสินเชื่อของลูกค้าได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนขายประกันภัยพ.ร.บ. และประกันอุบัติเหตุให้แก่ลูกค้าและประชาชนทั่วไปอีกด้วย
ผลิตภัณฑ์และบริการของเรา
บริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถแก่ลููกค้ารายย่อยทั่วไปด้วยใบอนุุญาตประกอบธุุรกิจสินเชื่อส่วนบุุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งใบอนุุญาตประกอบธุุรกิจสินเชื่อส่วนบุุคคลอนุุญาตให้สามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 24 ต่อปี โดยมียานพาหนะประเภทต่าง ๆ เป็นประกัน ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถกระบะและรถเพื่อการเกษตรที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก
บริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อโดยมีโฉนดที่ดินเป็นประกัน โดยพิจารณาวงเงินสินเชื่อตามสัดส่วนของมูลค่าที่ดิน โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี
บริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันด้วยใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลแก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อทะเบียนรถกับบริษัทฯ มาก่อนและมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีเท่านั้นเนื่องจากเป็นการให้สินเชื่อโดยไม่มีประกัน ซึ่่งใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดังกล่าวอนุญาตให้สามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 25 ต่อปี
บริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ด้วยใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน โดยใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อดังกล่าวอนุญาตให้สามารถเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ไม่เกินร้อยละ 33 ต่อปี มีวัตถุประสงค์การให้สินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพให้แก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อมีประกันกับบริษัทฯ มาก่อนและมีประวัติการผ่อนชำระที่ดีเท่านั้น
บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (“MTLS”) ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่แก่ลูกค้าสินเชื่อทะเบียนรถของบริษัทฯ ที่มีประวัติการชำระที่ดีและมีความต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ด้วยการเช่าซื้อผ่านสาขาของบริษัทฯ
บริษัท เมืองไทยลิสซิ่ง อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (“MTB”) ประกอบธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย จัดจำหน่ายพ.ร.บ. รถจักรยานยนต์, พ.ร.บ. รถยนต์และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล รวมทั้งการให้บริการต่อภาษีรถประจำปี
บริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด (“MTPL”) ให้บริการสินเชื่อผ่อนชำระสินค้าทั่วไปและสินค้าเกษตร เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสูบน้ำ เครื่องพ่นยา ภายใต้สโลแกนที่ว่า “ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง”
จุดแข็งและกลยุทธ์
บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตด้วยการขยายฐานลูกค้าผ่านการขยายสาขาเพื่อให้ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่ในประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยพัฒนาการเข้าถึงทางการเงิน (Financial Inclusion) ให้แก่ประชาชนที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงิน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางเลือกได้ด้วยต้นทุนทางการเงินที่เป็นธรรมและโปร่งใส ทั้งนี้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าการกระจายการเข้าถึงทางการเงินให้แก่ประชาชนเป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินในประเทศซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
และยังคงมุ่งเน้นขยายการบริการให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย จากจังหวัดมุ่งสู่อำเภอ จากอำเภอ ลงตำบล
ประวัติความเป็นมาของบริษัทและเหตุการณ์ความสำเร็จ
มากกว่า
30 ปี MTC
เริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาทเพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่และมือสองทุกยี่ห้อผ่านผู้จัดจำหน่ายทั้งในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอื่นๆ ในเขตภาคเหนือตอนล่าง เช่น สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นผู้มีรายได้ประจำทั้งรายวันและรายเดือน เกษตรกรและรับจ้างทั่วไป ต่อมาบริษัทฯ ได้เพิ่มการให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์เพื่อเป็นการต่อยอดการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญาเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว รวมทั้งเพิ่มประเภทรถไปสู่รถยนต์และรถเพื่อการเกษตรเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งปี 2544 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัด เป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544 และได้หยุดการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเนื่องจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์เริ่มมีการให้บริการเช่าซื้อแก่ลูกค้าเอง ทำให้จำนวนผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นและส่งผลทำให้ภาวะการแข่งขันสูงขึ้น
“บริการใกล้ชิด
ดุจญาติมิตรที่รู้ใจ”
เมืองไทย แคปปิตอลให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยที่เป็นคนในพื้นที่เป็นหลัก ดังนั้นบริษัทฯ จึงให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยมีสโลแกนว่า “บริการใกล้ชิด ดุจญาติมิตรที่รู้ใจ” จนทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาใช้บริการสินเชื่อของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ประวัติความเป็นมา
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินจาก Microfinanza Rating S.R.L. และ DEG ในด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการให้บริการ
- บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนวงเงินจากธนาคารแห่งประเทศจีน
- บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนวงเงินจากบริษัทเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเยอรมนี (DEG) และธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC)
- บริษัทฯ ได้รับการประกาศผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประจําปี 2565 ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ซึ่งจัดการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับเครดิตในระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable โดยบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อดัชนีหุ้นยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินผลการดําเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและการกํากับดูแลกิจการในระดับ “AA” ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคโดย MSCI
- บริษัทฯ ได้รับการประกาศผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประจําปี 2565 ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งจัดการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- บริษัทฯ ได้รับรางวัล “Thailand Top Corporate Brands 2022” ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นรางวัลที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ โดยรางวัลดังกล่าวเป็นผลจากการทํางานวิจัยเรื่อง “การวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรใน ASEAN และในประเทศไทยประจําปี 2565” ของหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด (“เมืองไทย เพย์ เลเทอร์”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกจํานวน 900 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 100 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 10 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท) ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
- บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนวงเงินจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และธนาคาร ซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC)
- บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับเครดิตในระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable โดยบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อดัชนีหุ้นยั่งยืนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินผลการดําาเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและการกํากับดูแลกิจการ ในระดับ “A” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคโดย MSIC
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกและจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืน FTSE4Good Index Series ในกลุ่ม FTSE4Good Emerging Index จาก FTSE Russell ในระดับคะแนน 3.5 จาก 5 หรือเท่ากับ 1.4 เท่าของคะแนนเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
- บริษัทฯ ได้รับรางวัล GLOBAL BANKING & FINANCE AWARDS ® 2021 จัดโดย Global Banking & Finance Review ในสาขา “The Next 100 Global Awards 2021” กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารและเป็นเพียงบริษัทสัญชาติไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัล
- บริษัทฯ ได้รับการประกาศผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประจําปี 2564 ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ซึ่งจัดการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- บริษัทฯ ได้รับรางวัล “Thailand Top Corporate Brands 2021” ที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งรางวัลดังกล่าวเป็นผลจากการทําางานวิจัยเรื่อง “การวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรใน ASEAN และในประเทศไทยประจําาปี 2564” ของหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑ์ิต สาขาวิชาการจัดการแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- วันที่ 18 ตุลาคม 2564 ที่ประชุมมีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อบริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด (“เมืองไทย เพย์ เลเทอร์”) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 99.99 ด้วยทุนจดทะเบียนเป็นจํานวนเงิน 100 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 1 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท) ทั้งนี้บริษัทจ่ายชําระค่าหุ้นให้แก่บริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด จำนวน 50 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน 2564
- บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับเครดิตในระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable โดยบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง A โดย MSCI ESG Index
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เข้าคำนวณในรายชื่อหุ้นยั่งยืนซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีที่สองติดต่อกัน
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เข้าคํานวณในดัชนี FTSE4Good Index เป็นปีแรก
- บริษัทฯ ได้รับรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2020
- บริษัทฯ ได้รับรางวัลจากงาน SET Awards 2020
- บริษัทฯ ได้รับการประกาศผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประจําปี 2564 ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งจัดการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกํากับใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการประกอบสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันและสินเชื่อจํานําทะเบียนรถ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562
- ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยของบริษัทฯ คือ บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จํากัด ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท เพื่อดําเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.99
- บริษัทฯ ได้รับการปรับอันดับเครดิตจาก BBB เป็น BBB+ โดยบริษัท ทริสเรตติ้ง จำกัด ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเสนอขายหุ้นกู้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 จํานวน 4,000 ล้านบาท
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี FTSE
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง A โดย MSCI ESG Index
- บริษัทฯ เข้าคํานวณในรายชื่อหุ้นยั่งยืนซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นปีแรก
- บริษัทฯ ได้รับการรับรองว่าเป็นบริษัทที่ผ่านกระบวนการประเมินตนเองว่ามีนโยบายและมีแนวปฏิบัติป้องกันการทุจริตภายในองค์กรครบถ้วนตามเกณฑ์์ที่องค์กรแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต
- บริษัทฯ ได้รับรางวัล Board of the Year 2018 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- บริษัทฯ ได้รับรางวัลจากงาน SET Awards 2019 ได้แก่ รางวัล Outstanding Company Performance Award และ Outstanding CEO Awards
- บริษัทฯ ได้รับการประกาศผลการประเมินการกํากับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประจําปี 2564 ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งจัดการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- บริษัท ฯ เปลี่ยนชื่อจาก บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561
- บริษัทฯ เปิดตัวแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ “เมืองไทย แคปปิตอล 4.0” ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งระบบแอนดรอยด์และ iOS เป็นครั้งแรก
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินการกํากับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจําปี 2561 ในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยเป็นครั้งแรก
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้นําเข้าคํานวณในดัชนี MSCI Global Standard Indexes
- เปิดสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการในแต่ละภาค ดังนี้ ภาคเหนือสาขาเพิ่มขึ้น 66 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสาขา เพิ่มขึ้น 226 สาขา ภาคกลางสาขาเพิ่มขึ้น 389 สาขา ภาคใต้สาขาเพิ่มขึ้น 79 สาขา รวมเปิดสาขาทั้งสิ้น 760 สาขา
- เพิ่มช่องทางการจ่ายชำระเงินโดยลูกค้าสามารถชำระผ่านบิ๊กซี, เทสโก้โลตัส และแอร์เพย์
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งที่ 5 ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560
- เปิดสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการในแต่ละภาค ดังนี้ ภาคเหนือสาขาเพิ่มขึ้น 87 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสาขา เพิ่มขึ้น 282 สาขา ภาคกลางสาขาเพิ่มขึ้น 282 สาขา ภาคใต้สาขาเพิ่มขึ้น 73 สาขา รวมเปิดสาขาทั้งสิ้น 724 สาขา
- เพิ่มช่องทางการจ่ายชำระเงิน โดยลูกค้าสามารถชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
- บริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลังมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 ในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกํากับ (นาโนไฟแนนซ์) และได้เพิ่มสินเชื่อประเภทมีที่ดินเป็นประกัน
- บริษัทฯ ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเริ่มทําการซื้อขายเป็นครั้งแรกในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557
- เพิ่มทุนจดทะเบียน 315 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,260 ล้านบาท เป็น 1,575 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ ใหม่จำนวน 3,150,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยาย สินเชื่อ
- เพิ่มทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,100 ล้านบาท เป็น 1,260 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ ใหม่จำนวน 1,600,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยาย สินเชื่อ
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งแรกและแห่งที่ 2 ที่จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดอยุธยา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการ จัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขตภาคเหนือและภาคกลางและภาคตะวันตก
- บริษัทฯ ดำเนินการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลังสำหรับการดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกํากับของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549
- บริษัทฯ เปลี่ยนชื่อจากบริษัท ดีเอสลิสซิ่ง จำกัด เป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544
- บริษัท ดีเอสลิสซิ่ง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2535 ก่อตั้งโดยนายชูชาติ เพ็ชรอำไพและนางดาวนภา เพชรอำไพด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 ล้านบาทเพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ผ่านผู้จัดจำหน่ายในเขตภาคเหนือตอนล่าง