ข่าวแจ้งสื่อมวลชน
MTC มาตามนัด! ปี 63 กำไรกว่า 5,214 ลบ. ยังคงรักษาระดับการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
MTC ผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย ไม่ทำให้ผิดหวัง! โชว์งบปี 63 กำไรสุทธิ 5,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.06% บิ๊กบอส 'ชูชาติ เพ็ชรอำไพ' มั่นใจปี 64 แรงได้อีก วางเป้าพอร์ตสินเชื่อโต 20-25% ลุยเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา รวมเป็น 5,400 สาขารองรับแผนบุกตลาดสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์และนาโนไฟแนนซ์ของเมืองไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในภาพรวมของปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 5,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.06% เมื่อเทียบกับปี 2562 มีกำไรสุทธิ 4,237 ล้านบาท โดยพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 70,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 60,253 ล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.06% เทียบพอร์ตสินเชื่อรวม
'ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 ออกมาได้เป็นที่น่าพอใจ แม้ส่วนหนึ่งจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ยอดปล่อยสินเชื่อของเรายังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้รายได้และกำไรของเรายังคงเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นอย่างนี้ นับตั้งแต่ที่เราเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ ปี 2557 เพราะเรามีทีมงานที่มีคุณภาพ และให้ความสำคัญกับการพิจารณาปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม รวมถึงการติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตัวเลขเอ็นพีแอลอยู่ในระดับต่ำกว่าอุตสาหกรรม อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ทำให้ลูกค้าไว้วางใจ และเข้าใช้บริการกับเรา'
นายชูชาติ กล่าวต่อว่า ไม่กังวลเรื่องของการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อทะเบียนรถมากนัก เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่ และมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ 2 ล้านคัน เทียบกับรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนมีกว่า 21 ล้านคันทั่วประเทศ และมีรถที่จดทะเบียนเพิ่มขึ้นในแต่ละปีต่อเนื่อง ทำให้พอร์ตสินเชื่อยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก แม้จะมีผู้เล่นรายใหม่ทยอยเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับแนวคิดการทำตลาด และการขยายฐานลูกค้าของแต่ละบริษัท
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารักษาอัตราการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อที่ 20-25% โดยเตรียมเปิดเพิ่มอีก 600 สาขา ซึ่งคาดว่าจะครบ 5,400 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับกลุ่มคนที่มีความต้องการสินเชื่อ แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสินเชื่อของระบบสถาบันการเงิน รวมถึงกลุ่มคนที่ยังพึ่งพาสินเชื่อนอกระบบ โดยวางงบลงทุนสำหรับการขยายสาขาไว้ที่ 300 ล้านบาท
ประธานกรรมการบริหารบริษัทฯ กล่าวอีกว่า ในปีนี้เราให้ความสำคัญกับธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดี เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาขอรับบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ บางส่วนต้องการที่จะซื้อรถจักรยานยนต์คันใหม่ จากฐานลูกค้าที่มีกว่า 2 ล้านคัน และช่วยลดความเสี่ยงการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อกับบริษัทฯ มาอย่างต่อเนื่อง