ข่าวแจ้งสื่อมวลชน
'MTC' sells bonds, raises funds for 'expanding business'
'เมืองไทย แคปปิตอล' เผยยอดขายหุ้นกู้วงเงิน 4 พันล้าน หมดเกลี้ยง สะท้อนนักลงทุนตอบรับดี เตรียมนำเงินที่ได้ไปคืนหนี้ชุดเดิม พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ มั่นใจรายได้ปีนี้มีลุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่าบริษัทได้เสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่วงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ในช่วงระหว่างวันที่ 9-11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเป็นอย่างดีมากและสามารถขายจนหมดเกลี้ยง โดยถือเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจของบริษัทที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกจำนวน 2 ชุด โดยชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี และชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 5 เดือน 2 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.65% ต่อปี กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิตเรทติ้ง) ที่ระดับ BBB+ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สะท้อนถึงสถานะการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยทริสเรทติ้งประเมินบริษัทจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวงจำกัด และอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
ส่วนเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทจะนำไปคืนหนี้หุ้นกู้ระยะยาวที่ครบกำหนดไถ่ถอน และบางส่วนนำไปสร้างการเติบโตของธุรกิจ เช่น การขยายสาขาใหม่ปีนี้ตั้งเป้าจะเปิดเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 600 สาขา และใช้รองรับแผนการปล่อยสินเชื่อใหม่ รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
'ผลตอบรับจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ถือว่าดีเกินคาด ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจหุ้นกู้ของเราจนขายหมดเกลี้ยง ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีวงเงินกู้กับธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้อยู่ประมาณ 8,000 ล้านบาท หากได้เงินจากการขายหุ้นกู้เข้ามาอีกราว 4,000 ล้านบาท จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของฐานะการเงินของ MTC และช่วยหนุนให้สภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจได้สูงถึง 12 เดือนข้างหน้า'
สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานปี 2563 บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตามยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ที่คาดว่าจะขยายตัวราว 12,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20-25% จากปีก่อน และส่งผลให้ยอดสินเชื่อคงค้างภายในช่วงสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 70,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่อยู่นระดับ 60,000 ล้านบาท ส่วนด้านงบลงทุนปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ในการขยายสาขาใหม่เพิ่มจำนวน 600 สาขา โดยคาดว่าภายในช่วงสิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมดจำนวน 4,700 สาขา จากปัจจุบันที่มีแล้วจำนวน 4,473 สาขา
ส่วนทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อจะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบจำนวนมาก ซึ่งอาจฉุดให้ยอดการขอสินเชื่อใหม่ชะลอตัวไปบ้าง อย่างไรก็ตามคาดว่าหากเม็ดเงินที่ภาครัฐให้ประชาชนหมดลงและมาตรการล็อกดาวน์ต่างๆผ่อนคลายยอดการขอสินเชื่อก็น่าจะกลับสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาขอปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระหนี้ ลดการชำระค่างวดลงหรือลดดอกเบี้ยไปแล้ว 2-3 แสนราย วงเงินรวมประมาณ 5-6 พันล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด