MTC เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 3 ชุด อัตราดอกเบี้ย [3.50 - 4.20]% ต่อปี ชูอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A-(tha) จากฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดเสนอขายระหว่างวันที่ 28 - 30 ตุลาคม 2567 นี้

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) 3 ชุด ประกอบด้วย

  1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี 3 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50 - 3.60]% ต่อปี
  2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 2 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.80 - 4.00]% ต่อปี และ
  3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 7 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.00 - 4.20]% ต่อปี

โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะประกาศให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 28 - 30 ตุลาคม 2567 นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567 อยู่ในระดับ Investment Grade ที่ A-(tha) แนวโน้มอันดับเครดิต “มีเสถียรภาพ” โดยฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) โดยบริษัทได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากระดับ BBB+ขึ้นมาเป็น A- สำหรับวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหนี้จากการออกหุ้นกู้ และ/หรือ ใช้เป็นเงินเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 15-20% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 3.2% และเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต ซึ่งจัดโดยฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) นั้น สะท้อนถึงความเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ที่แข็งแกร่งของ MTC โดยมีสาขามากที่สุด รวมไปถึงประสบการณ์ที่ยาวนาน ในการดำเนินธุรกิจนี้ อีกทั้งความสามารถในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ที่ทำได้ตามเป้าหมาย และ ผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ

“ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานของบริษัทฯ กว่า 30 ปี ที่บริษัทฯ ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสทางการเงินอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมให้เป็นสุข รวมถึงสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืน ตามเป้าหมายของสหประชาชาติ (SDGs) ได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Customer Finance) และได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ที่ระดับ A ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน จากการประเมินทางมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2566 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 6 ติดต่อกันอีกด้วย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสานต่อการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามที่บริษัทฯ ตั้งใจไว้” นายปริทัศน์ กล่าว

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ มีสินเชื่อคงค้างทั้งสิ้น 154,672 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ที่มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 143,318 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 6,832 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 6,041 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,200 ล้านบาท ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานรวมงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 13,463 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,833 ล้านบาท ในส่วนของจำนวนสาขา ในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ เปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 192 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนสาขารวม 7,980 สาขา ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทฯ ยังมีการดำรงอัตราส่วนของลูกหนี้ด้อยคุณภาพ (ค้างชำระเกิน 3 เดือน) ต่อลูกหนี้เงินให้สินเชื่อทั้งหมด (NPL Ratio) ที่ 2.88% ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มีอัตราส่วนอยู่ที่ 3.03% ทั้งนี้ บริษัทมี Credit Cost ที่ลดลงโดยมี Credit Cost ที่ระดับ 3.04% ปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มี Credit Cost ที่ 3.12%

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 869 และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai) โทร. 02-626-7777
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000
  • บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800 กด 1
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
  • บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
  • บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-638-5500
  • บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) โทร.02-205-7311
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-59
  • บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
  • บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 02-779-9000
  • บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555
  • บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0100
  • บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-659-5272-73

หมายเหตุ: บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน

คำเตือน: โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในร่างหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามรายละเอียดด้านล่าง

QR Download

หนังสือชี้ชวนสำหรับโครงการ

หนังสือชี้ชวนสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้และการจองซื้อครั้งนี้