ประวัติความเป็นมาของบริษัทและเหตุการณ์ความสำเร็จ

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") เดิมชื่อบริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัด และได้เปลี่ยนมาเป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ภายหลังก่อตั้งโดยนายชูชาติเพ็ชรอำไพและนางดาวนภา เพชรอำไพ ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2535 มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 13 ซอยจรัญสนิทวงศ์แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งใหม่และมือสองทุกยี่ห้อ ผ่านผู้จัดจำหน่ายทั้งในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอื่นๆ ในเขตภาคเหนือตอนล่าง เช่น สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร เป็นต้น โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นผู้มีรายได้ประจำ ทั้งรายวันและรายเดือนเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป ต่อมาบริษัทฯ ได้เพิ่มการให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์เพื่อเป็นการต่อยอดการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญาเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว รวมทั้งเพิ่มประเภทรถไปสู่รถยนต์และรถเพื่อการเกษตรเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งปี 2544 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัดเป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำ กัด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544 และได้หยุดการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ เนื่องจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์เริ่มมีการให้บริการเช่าซื้อแก่ลูกค้าเอง ทำให้จำนวนผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นและส่งผลทำให้ภาวะการแข่งขันสูงขึ้น

28 ปี MTC

ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2535

ในปี 2549 บริษัทฯ เล็งเห็นถึงช่องทางในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทฯ จึงได้ดำ เนินการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลังโดยได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 และเริ่มขยายการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลไปยังสาขาต่างๆ ของบริษัทฯ

ในปี 2558 บริษัทฯ ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ได้แก่ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ) โดยบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 และสินเชื่อโฉนดที่ดิน

ในปี 2559 บริษัทฯ เริ่มให้บริการรับชำระเงินผ่านระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสในเดือนกันยายน และบริษัทฯ ให้บริการตู้เติมเงินอัตโนมัติเพื่อเพิ่มช่องทางบริการด้านอื่นให้กับลูกค้ามากขึ้น

ในปี 2560 บริษัทฯ เพิ่มบริการรับชำระเงินผ่านบิ๊กซี, เทสโก้โลตัส และแอร์เพย์เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระให้กับลูกค้ามากขึ้น

ในปี 2561 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท เมืองไทย เเคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 นอกจากนั้น บริษัทฯยังมีการพัฒนาในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ลูกค้า โดยในปีนี้ บริษัทได้เปิดให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน “เมืองไทยแคปปิตอล 4.0” สำหรับระบบ iOS และ Android เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากในการตรวจสอบรายละเอียดยอดคงค้าง และค้นหาสาขา ทั้งนี้ ในปีนี้ บริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2561 ในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นครั้งแรก ยิ่งกว่านั้น บริษัทฯยังได้รับการคัดเลือกให้นำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indexes อีกด้วย

ในปี 2562 บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้เติบโตในด้านธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง และพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่” ให้แก่ลูกค้ามีประวัติการชำระที่ดีกับบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ มีการพัฒนาการ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด นับแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคง บริษัทฯจึงได้รับการปรับอันดับเครดิต จาก BBB เป็น BBB+ โดยบริษัทจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ทริสเรตติ้ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้บริษัทฯสามารถเสนอขายหุ้นกู้แก่ประชาชน (Public Offering) เป็นครั้งแรก อันส่งผลให้บริษัทฯสามารถสร้างฐานแหล่งเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกเหนือจากพัฒนาการในด้านการบริหารแหล่งเงินทุนแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี FTSE และได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง A โดย MSCI ESG Index อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ คือการได้รับรางวัล Board of the Year 2018 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งเป็นเพียงรางวัลเดียวในตลาดทุนที่มอบให้กับคณะกรรมการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีผลการปฏิบัติงานตามหลักการกำกับดูแลการกำกับดูแลกิจการและสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“บริการใกล้ชิด ดุจญาติมิตรที่รู้ใจ.”

บริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยที่เป็นคนในพื้นที่เป็นหลัก ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำ คัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยมีสโลแกนว่า “บริการใกล้ชิด ดุจญาติมิตรที่รู้ใจ” จนทำ ให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาใช้บริการสินเชื่อของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มีสาขารวมทั้งสิ้น 3,279 สาขา