บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") เดิมชื่อบริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัด และได้เปลี่ยนมาเป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ภายหลังก่อตั้งโดยนายชูชาติเพ็ชรอำไพและนางดาวนภา เพชรอำไพ ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2535 มีสำนักงานตั้งอยู่เลขที่ 13 ซอยจรัญสนิทวงศ์แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 2 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งใหม่และมือสองทุกยี่ห้อ ผ่านผู้จัดจำหน่ายทั้งในจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอื่นๆ ในเขตภาคเหนือตอนล่าง เช่น สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร เป็นต้น โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะเป็นผู้มีรายได้ประจำ ทั้งรายวันและรายเดือนเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป ต่อมาบริษัทฯ ได้เพิ่มการให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์เพื่อเป็นการต่อยอดการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าที่ผ่อนชำระค่างวดตามสัญญาเช่าซื้อครบถ้วนแล้ว รวมทั้งเพิ่มประเภทรถไปสู่รถยนต์และรถเพื่อการเกษตรเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งปี 2544 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท ดี.เอส. ลิสซิ่ง จำกัดเป็น บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำ กัด เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2544 และได้หยุดการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ เนื่องจากผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์เริ่มมีการให้บริการเช่าซื้อแก่ลูกค้าเอง ทำให้จำนวนผู้ให้บริการเพิ่มขึ้นและส่งผลทำให้ภาวะการแข่งขันสูงขึ้น
28 ปี MTC
ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2535
ในปี 2549 บริษัทฯ เล็งเห็นถึงช่องทางในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย บริษัทฯ จึงได้ดำ เนินการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลังโดยได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 และเริ่มขยายการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลไปยังสาขาต่างๆ ของบริษัทฯ
ในปี 2558 บริษัทฯ ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ได้แก่ สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ) โดยบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจากกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558 และสินเชื่อโฉนดที่ดิน
ในปี 2559 บริษัทฯ เริ่มให้บริการรับชำระเงินผ่านระบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสในเดือนกันยายน และบริษัทฯ ให้บริการตู้เติมเงินอัตโนมัติเพื่อเพิ่มช่องทางบริการด้านอื่นให้กับลูกค้ามากขึ้น
ในปี 2560 บริษัทฯ เพิ่มบริการรับชำระเงินผ่านบิ๊กซี, เทสโก้โลตัส และแอร์เพย์เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระให้กับลูกค้ามากขึ้น
ในปี 2561 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท เมืองไทย เเคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561 นอกจากนั้น บริษัทฯยังมีการพัฒนาในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการอย่างโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ลูกค้า โดยในปีนี้ บริษัทได้เปิดให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน “เมืองไทยแคปปิตอล 4.0” สำหรับระบบ iOS และ Android เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากในการตรวจสอบรายละเอียดยอดคงค้าง และค้นหาสาขา ทั้งนี้ ในปีนี้ บริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2561 ในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นครั้งแรก ยิ่งกว่านั้น บริษัทฯยังได้รับการคัดเลือกให้นำเข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard Indexes อีกด้วย
ในปี 2562 บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้เติบโตในด้านธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง และพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯได้นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่” ให้แก่ลูกค้ามีประวัติการชำระที่ดีกับบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ มีการพัฒนาการ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอด นับแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และมีสถานภาพทางการเงินที่มั่นคง บริษัทฯจึงได้รับการปรับอันดับเครดิต จาก BBB เป็น BBB+ โดยบริษัทจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ทริสเรตติ้ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้บริษัทฯสามารถเสนอขายหุ้นกู้แก่ประชาชน (Public Offering) เป็นครั้งแรก อันส่งผลให้บริษัทฯสามารถสร้างฐานแหล่งเงินทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกเหนือจากพัฒนาการในด้านการบริหารแหล่งเงินทุนแล้ว บริษัทฯ ยังได้รับการคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี FTSE และได้รับการจัดอันดับเรตติ้ง A โดย MSCI ESG Index อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ คือการได้รับรางวัล Board of the Year 2018 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ซึ่งเป็นเพียงรางวัลเดียวในตลาดทุนที่มอบให้กับคณะกรรมการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีผลการปฏิบัติงานตามหลักการกำกับดูแลการกำกับดูแลกิจการและสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพ



“บริการใกล้ชิด ดุจญาติมิตรที่รู้ใจ.”
บริษัทฯ ให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยที่เป็นคนในพื้นที่เป็นหลัก ดังนั้น บริษัทฯ จึงให้ความสำ คัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า โดยมีสโลแกนว่า “บริการใกล้ชิด ดุจญาติมิตรที่รู้ใจ” จนทำ ให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาใช้บริการสินเชื่อของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มีสาขารวมทั้งสิ้น 3,279 สาขา
2565
2564
2563
2562
2561
2560
2559
2558
2557
2556
2555
ปี 2565
- บริษัทฯ ได้รับการประกาศผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประจำปี 2565 ว่าอยู่ในระดับ “ดีเลิศ” (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งจัดการประเมินโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
- บริษัทฯได้รับการประเมินคุณภาพจากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ในการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 มีคะแนนคิดเป็น 100% อยู่ในเกณฑ์ “ดีมาก”
- บริษัทฯได้รับการยืนยันเครดิต ในระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable โดยบริษัทจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ทริสเรตติ้ง แม้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส Covid-19 ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจผันผวนทั่วโลก
- ผลจากการทำงานวิจัยเรื่อง “การวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรใน ASEAN และในประเทศไทย บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน จากการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นต่อการเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ที่รับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและเป็นตัวอย่างแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกันในด้านบรรษัทภิบาล รวมถึงการตระหนักถึงผลกระทบและการพัฒนากลยุทธ์ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและบรรษัทภิบาล(ESG) เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ หรือ ESG MSCI Index ในระดับ “AA” ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) โดย MSCI
- บริษัทฯได้รับรางวัล “Thailand’s Top Corporate Brands 2022” ที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ซึ่งรางวัลดังกล่าวเป็นของหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการแบรนด์และการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปี 2564
- บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับเครดิต ในระดับ BBB+ แนวโน้ม Stable โดยบริษัทจัดอันดับเครดิต เรตติ้ง ทริสเรตติ้ง แม้อยู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสอุบัติใหม่ Covid-19 ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจผันผวนทั่วโลก
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อดัชนีหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (TSHI) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
- บริษัทฯ ได้รับการประเมินผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ หรือ ESG MSCI Index ในระดับ “A” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) โดย MSCI
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกและจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืน FTSE4Good Index Series ในกลุ่ม FTSE4Good Emerging Index จาก FTSE Russell ในระดับคะแนน 3.5 จาก 5 หรือเท่ากับ 1.4 เท่าของคะแนนเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกในดัชนี FTSE Thailand USD Net Tax Index จาก FTSE Russell เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานที่เป็นกำไรและมีการบริหารจัดการภาษีที่ถูกต้องโปร่งใสยังผลประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ
- บริษัทฯ ได้รับรางวัล GLOBAL BANKING & FINANCE AWARDS ® 2021 จัดโดย Global Banking & Finance Review ในสาขา “The Next 100 Global Awards 2021” กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร และเป็นเพียงบริษัทสัญชาติไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ได้รับรางวัล
ปี 2563
- บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับเครดิต ในระดับ BBB+ และ ได้รับแนวโน้มคงที่ โดยบริษัทจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง ทริสเรตติ้ง แม้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งก่อให้เกิดสภาวะเศรษฐกิจผันผวนทั่วโลก
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความยั่งยืน (ESG) ระดับ A โดย ESG MSCI Index
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) และร่วมเข้าคำนวนในดัชนีหลักทรัพย์ SET THSI Index เป็นปีที่สอง
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้เข้าคำนวณในดัชนี FTSE4Good เป็นปีแรก
- บริษัทฯ มีมาตราการการช่วยเหลือลูกค้า และ สังคมในช่วง COVID-19
- บริษัทฯ ได้รับรางวัล ASEAN Asset Class PLCs 2019 จาก ASEAN Capital Market Forum (ACMF) ซึ่งเป็นรางวัลให้แก่บริษัทจดทะเบียนในอาเซียนที่ดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- บริษัทฯ ได้รับรางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2020
- บริษัทฯ ได้รับรางวัลเกียรติยศ จากงาน SET Awards 2020
ปี 2562
- บริษัทฯได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือจากระดับ BBB เป็น BBB+ โดยบริษัท ทริส เรตติ้ง จำกัด
- บริษัทฯ เริ่มสร้างเครือข่ายให้แก่นักลงทุนรายย่อยโดยการออกจำหน่ายพันธบัตรของบริษัทฯให้แก่ประชาชนเป็นปีแรก
- บริษัทฯ ได้รับการนับเข้าร่วมคำนวนใน FTSE Mid Cap Index
- บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือด้านความยั่งยืน (ESG) ระดับ A โดย ESG MSCI Index
- บริษัทฯ ได้ขยายผลิตภัณฑ์สินเชื่อไปยังสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์
- คณะกรรมการบริษัทได้รับรางวัล "Board of the Year" จากสถาบันส่งเสริมคณะกรรมการไทย (IOD) เป็นครั้งแรก
- บริษัทฯ ได้รับการรับรองว่าเป็นบริษัทที่ผ่านกระบวนการประเมินตนเองว่ามีนโยบายและมีแนวปฏิบัติป้องกันการทุจริตภายในองค์กรครบถ้วนตามเกณฑ์ที่องค์กรแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (Collective Action Coalition Against Corruption – CAC) กำหนด
- บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THIS) และร่วมเข้าคำนวนในดัชนีหลักทรัพย์ SET THSI Index เป็นปีแรก
ปี 2561
- เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง จำกัด (มหาขน) เป็น บริษัท เมืองไทย เเคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2561
- เปิดสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการในแต่ละภาค ดังนี้ภาคเหนือสาขาเพิ่มขึ้น 81 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสาขาเพิ่มขึ้น 231 สาขา ภาคกลางสาขาเพิ่มขึ้น 456 สาขา ภาคใต้สาขาเพิ่มขึ้น 87 สาขา รวมเปิดสาขาทั้งสิ้น 855 สาขา
- เพิ่มช่องทางการเช็คค่างวดโดยลูกค้าสามารถเช็คผ่านระบบแอปพลิเคชันเมืองไทย แคปปิตอล 4.0 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งที่ 6 ที่จังหวัดราชบุรีเพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขตภาคกลางและภาคใต้โดยเริ่มการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2561
ปี 2560
- เปิดสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการในแต่ละภาค ดังนี้ ภาคเหนือสาขาเพิ่มขึ้น 66 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสาขา เพิ่มขึ้น 226 สาขา ภาคกลางสาขาเพิ่มขึ้น 389 สาขา ภาคใต้สาขาเพิ่มขึ้น 79 สาขา รวมเปิดสาขาทั้งสิ้น 760 สาขา
- เพิ่มช่องทางการจ่ายชำระเงินโดยลูกค้าสามารถชำระผ่านบิ๊กซี, เทสโก้โลตัส และแอร์เพย์
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งที่ 5 ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2560
ปี 2559
- เปิดสาขาเพื่อเพิ่มพื้นที่การให้บริการในแต่ละภาค ดังนี้ ภาคเหนือสาขาเพิ่มขึ้น 87 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือสาขา เพิ่มขึ้น 282 สาขา ภาคกลางสาขาเพิ่มขึ้น 282 สาขา ภาคใต้สาขาเพิ่มขึ้น 73 สาขา รวมเปิดสาขาทั้งสิ้น 724 สาขา
- เพิ่มช่องทางการจ่ายชำระเงิน โดยลูกค้าสามารถชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
ปี 2558
- เริ่มให้บริการสินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน
- เริ่มประกอบธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวง การคลังเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2558
- ขยายการให้บริการสินเชื่อไปยังภาคใต้โดยเริ่มจากการเปิดสาขาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดแรก
ปี 2557
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งที่ 3 ที่จังหวัดชลบุรีเพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขตภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเริ่มการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์2557
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งที่ 4 ที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขต ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเริ่มการประมูลครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2557
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี2557 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2557 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ดำเนินการดังนี้
- แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จากหุ้นละ 100 บาท เป็น 1 บาท
- เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 545 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,575 ล้านบาท เป็น 2,120 ล้านบาท โดยการออก หุ้นสามัญใหม่จำนวน 545 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งมีรายละเอียดการจัดสรรดังนี้
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 502.50 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ประชาชน
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 42.50 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทย่อย
- วันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 หุ้นของบริษัทฯ ได้ทำการซื้อขายเป็นครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 บริษัทฯ มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 506 สาขา
ปี 2556
- เพิ่มทุนจดทะเบียน 315 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,260 ล้านบาท เป็น 1,575 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ ใหม่จำนวน 3,150,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยาย สินเชื่อ
ปี 2555
- เพิ่มทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 1,100 ล้านบาท เป็น 1,260 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญ ใหม่จำนวน 1,600,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยาย สินเชื่อ
- เปิดดำเนินการศูนย์ประมูลรถแห่งแรกและแห่งที่ 2 ที่จังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดอยุธยา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการ จัดประมูลรถที่สาขาต่างๆ ในเขตภาคเหนือและภาคกลางและภาคตะวันตก